5 สัญญาณอาการปวดที่ต้องรีบรักษาด่วน คลิ๊กลิงค์ที่นี้รับข้อมูล
5 สัญญาณอาการปวด
1. อาการปวดหลังร่วมกับแขนขาชาไม่มีแรงกลั้นปัสสาวะและอุจจาระไม่ได้ ซึ่งลักษณะอาการดังกล่าวเป็นไปได้ว่าไขสันหลังได้รับบาดเจ็บ ทางที่ดีควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน เพื่อทำการเอกซเรย์ตรวจดูกระดูกสันหลังและหาตำแหน่งที่บาดเจ็บ บางรายเพียงให้นอนพักรักษาตัวก็อาจหายจากอาการดังกล่าวได้ แต่บางรายอาจจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด
2. ปวดหลังบริเวณเอวและมีไข้หนาวสั่น
สาเหตุของอาการอาจเกิดจากการติดเชื้ออักเสบของไต หรืออาจเป็นโรคกรวยไตอักเสบ โดยสาเหตุเหล่านี้เกิดได้จากการทานน้ำในแต่ละวันน้อยเกินไป การอั้นปัสสาวะ
โดยการรักษาแพทย์จะใช้ให้ยาฆ่าเชื้อและยาอื่น ๆ ตามแต่การวินิจฉัยโรค รวมถึงแนะให้ทานน้ำมาก ๆ เปลี่ยนพฤติกรรมการอั้นปัสสาวะ และเมื่อรักษาไตจนเป็นปกติดีแล้ว อาการปวดดังกล่าวก็จะหายไป
3. ปวดเหนือบั้นเอวทั้งสองข้าง
หากมีอาการปวดเหนือบั้นเอวทั้งสองข้าง และเมื่อพบแพทย์แล้ว แพทย์อาจคลำพบก้อนบริเวณไต รวมถึงมีเลือดปนในปัสสาวะ มีความดันโลหิตสูง และมีภาวะโลหิตจางร่วมด้วย ในกรณีนี้เป็นสัญญาณบอกโรคถุงน้ำในไต ซึ่งโรคนี้เป็นโรคที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้
เมื่อมีถุงน้ำในไต ก็จะทำให้ไตทำงานได้น้อยลง เมื่อไตทำงานได้ลดลงส่งผลเสียต่อร่างกายเกิดโรคความดันโลหิตสูง ไตอาจติดเชื้อได้ง่ายและไตวายเรื้อรังจน ถึงไตหยุดทำงานถาวร และนอกจากปัญหาที่ไตแล้วยังทำให้เกิดถุงน้ำที่อื่นได้ด้วยเช่น ตับ ตับอ่อน รังไข่ อัณฑะ และเกิดหลอดเลือดสมองโป่งพองได้ด้วย
4. อาการปวดหลังที่เกิดในสตรีมีครรภ์
อาจเป็นผลมาจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น ฮอร์โมนในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงทำให้เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อยึดกระดูกหย่อนยาน การแบกรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของทารก หรือมดลูกที่โตขึ้น กดทับเส้นประสาททำให้ปวดหลังจนร้าวไปถึงขาได้
5. ปวดหลังเรื้อรังนานเป็นแรมเดือนและปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ
หากเป็นในคนอ้วน หรือผู้ที่มีอายุมากกว่า 45 ปี อาจเกิดขึ้นเนื่องจากโรคไขข้ออักเสบ หรือกระดูกสันหลังสึกกร่อน การรักษาในกรณีนี้แพทย์จะให้ยาแก้ปวดมาทาน ให้รับการทำกายภาพบำบัด สวมเสื้อดามหลัง แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมเพิ่มขึ้น ถ้าเป็นคนอ้วนมากก็จะต้องให้ลดน้ำหนัก
กลุ่มที่เสี่ยงต่อหมอนรองกระดูกเสื่อม
พฤติกรรมเสี่ยง หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
1. ก้มๆ เงยๆ บ่อยๆ หรือมากเกินไป
2. ยกของหนักซ้ำๆ ท่าเดิมๆ
3. ผู้ที่มีอาชีพที่ต้องทำงานอยู่ในบริเวณที่มีการสั่นสะเทือนบ่อยๆ เช่น เขตก่อสร้าง
4. ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก
5. อยู่ท่าใดท่าหนึ่งเป็นเวลานานเกินไป โดยไม่มีการปรับเปลี่ยนอิริยาบถ เช่น ผู้ที่ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์นานเกินไป
ไม่อยากนิ้วล็อค ต้องปฏิบัติอย่างไร
1.ไม่หิ้วของหนัก เช่น ถุงพลาสติก ตะกร้า ถังน้ำ โดยเฉพาะบรรดาแม่บ้านทั้งหลาย ถ้าจำเป็นต้องหิ้ว ควรใช้ผ้าขนหนูรองและหิ้วให้น้ำหนักตกที่ฝ่ามือ แทนที่จะให้น้ำหนักตกที่ข้อนิ้วมือ หรือใช้วิธีการอุ้มประคองช่วยลดการรับน้ำหนักที่นิ้วมือได้2.ไม่ควรบิดหรือซักผ้าด้วยมือเปล่าจำนวนมากๆ และไม่ควรบิดผ้าให้แห้งสนิท เพราะจะยึดปลอกหุ้มเอ็นจนคราก และเป็นจุดเริ่มต้นของโรคนิ้วล็อค
3.ระวังการกำหรือบดเครื่องมือทุ่นแรง เวลาทำงานที่ต้องอาศัยอุปกรณ์ช่าง เช่น ไขควง เลื่อย ค้อน ฯลฯ ควรใส่ถุงมือหรือห่อหุ้มด้ามจับให้ใหญ่และนุ่มขึ้น
4.ชาวสวนควรระวังเรื่องการตัดกิ่งไม้ด้วยกรรไกร หรืออื่นๆที่ใช้แรงมือควรใส่ถุงมือเพื่อลดการบาดเจ็บของปลอกเอ็นกับเส้นเอ็น และควรใช้สายยางรดน้ำต้นไม้แทนการหิ้วถังน้ำ
5.คนที่ยกของหนักๆเป็นประจำ เช่นคนส่งน้ำขวด ถังแก๊ส แม่ครัวพ่อครัว ควรหลีกเลี่ยงการยกมือเปล่า ควรมีผ้านุ่มๆ มารองจับขณะยก และใช้เครื่องทุ่นแรง เช่น รถเข็น รถลาก
6.ควรใช้เครื่องทุ่นแรง หากจำเป็นต้องทำงานที่ต้องใช้มือกำ หยิบ บีบ เครื่องมือเป็นเวลานานๆ เช่น ใช้ผ้าห่อที่จับให้หนานุ่ม เช่น ใช้ผ้าห่อด้ามจับตะหลิวในอาชีพแม่ครัวพ่อครัว
7.รู้จักพักมือบ้าง หากทำงานบางอย่างต้องใช้เวลานานต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้มือเมื่อยล้าหรือระบม ควรพักมือเป็นระยะๆ เช่น ทำ 45 นาที และพักมือสัก 10 นาที เป็นต้น
6.ควรใช้เครื่องทุ่นแรง หากจำเป็นต้องทำงานที่ต้องใช้มือกำ หยิบ บีบ เครื่องมือเป็นเวลานานๆ เช่น ใช้ผ้าห่อที่จับให้หนานุ่ม เช่น ใช้ผ้าห่อด้ามจับตะหลิวในอาชีพแม่ครัวพ่อครัว
7.รู้จักพักมือบ้าง หากทำงานบางอย่างต้องใช้เวลานานต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้มือเมื่อยล้าหรือระบม ควรพักมือเป็นระยะๆ เช่น ทำ 45 นาที และพักมือสัก 10 นาที เป็นต้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น